6 สิงหาคม 2557

ประเพณีท้องถิ่น



ประเพณี เส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง




                    อำเภอหล่มสัก ได้กล่าวถึงประวัติพ่อขุนผาเมือง วีรบุรุษผู้กล้าและผู้เสียสละแห่งแผ่นดินไทย ซึ่งนับว่าเป็นต้นกำเนิดของการจัดงาน “ประเพณีเส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง” ซึ่งท่านอดีต ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายเกษม ชัยสิทธิ์ ได้ดำริจัดงานเชิดชูเกียรติพ่อขุนผาเมือง ว่ามีประวัติความเป็นมาดังนี้ เมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๑๘๐๐ ชนเผ่าไทยซึ่งได้กระจัดกระจายกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยภายใต้อำนาจการปกครองของขอม ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระเจ้าอินทวรมันที่ ๒ แห่งกรุงนครธนได้สั่งสม จัดตั้งกองกำลังรี้พลและขุนศึกผู้กล้าหาญออกตั้งเมืองเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อคอยกำลังของชนผ่าไทยมิให้รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นได้ในกลุ่มชนเผ่าไทยที่กระจัดกระจายอยู่ในขณะนั้น กลุ่มของพ่อขุนที่ถ่อยร่นมาจากเวียงไชยปราการ ได้มาโจมตีเมืองนครเดิดและเมืองศรีเทพของขอมแตกแล้วตั้งหลักแหล่งเป็นเมืองขึ้นใกล้เคียงกับนครเดิดเรียกว่า “เมืองราด”(อำเภอหล่มสักในปัจจุบัน) 
 
                   ต่อมาได้นัดหมายกับพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง เข้าตีเมืองสุโขทัยอันเป็นเมืองหน้าด่านของขอมที่เข้มแข็งเป็นผลสำเร็จแล้วตั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีของอาณาจักรไทยด้วยเหตุนี้ ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดใกล้เคียงได้รำลึกถึงพระมาหากรุณาธิคุณ ความกล้า ความเด็ดเดี่ยว ความเสียสละ ของพ่อขุนผาเมืองตลอดมา และในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ชาวเพชรบูรณ์ จึงได้ร่วมใจกันก่อสร้างอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญแลเดียรติคุณความดีของพ่อขุนผาเมืองไว้ ณ บริเวณสามแยกระหว่างทางไปหล่มสัก พิษณุโลกและขอนแก่น ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า “สามแยกพ่อขุน” เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับให้ชาวเพชรบูรณ์เคารพสักการะ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเป็นเยี่ยงอย่างอันดีแก่ชาวไทยสืบไป คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๑๘ โดยมอบให้กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๐ และชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้อัญเชิญพระบรมรูปพ่อขุนผาเมืองมาประดิษฐานบนพระแท่นเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๒๗ และเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๒๗ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จไปทรงประกอบพิธีเปิดอนุสาวรีย์ พ่อขุนผาเมือง เพื่อเป็นศูนย์รวมพลังจิตใจของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ และชาวไทยทั้งประเทศ

                    เส็งกลอง  เป็นภาษาท้องถิ่นเหนือชั้นอยู่ทั่วไปในอำเภอหล่มสัก อำเภอหล่มเก่า หมายถึง เส็งกลองที่ถูกตีจนเกิดเสียงดังก้อง ถึงระดับอึกครึกโครม เส็ง น้าจะเพี้ยนมาจาก เสียง หรืออาจจะเป็นต้นเสียงเดิมเป็นเส็ง แปลเป็นเสียงในภายหลังก็เป็นได้ การเส็งกลองนิยมทำกันมาในอำเภอหล่มสัก หลายหมู่บ้าน เมื่อมีงานเทศกาลเข้าพรรษา การตีกลองเป็นความบันเทิงชนิดหนึ่งที่นำมาเป็นการละเล่น แต่เดิมการเส็งกลองนั้นเป็นเรื่องของภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้านการทำกลอง กลองที่ดีต้องมีเสียงดัง จึงมีการแข่งขันการตีกลองกันว่าช่างกลองคนใดผลิตกลองดี มีเสียงดังก้อง กล่าวกันว่าเป็นการแสดงพละกำลังของคนหนุ่ม แต่เดิมการเส็งกลองนิยมจัดในงานบุญบั้งไฟ เพื่อเชิญเทวดามนุษย์และภูตผีมาร่วมงานบุญบั้งไฟขอฟ้าขอฝน อีกส่วนหนึ่งก็สืบสานการช่างฝีมือแต่งอย่างเดิม คือ การแข่งขันเพื่อแสดงศักยภาพในการทำกลอง ว่าใครจะทำให้มีเสียงดงได้มากว่ากัน โดยมีการประกวดกันในระดับหมู่บ้าน ในอำเภอหล่มสัก ระดับเสียงกลองจะมีทั้งทุ้มกลาง และแหลม ครบถ้วน จึงจะนับว่าเป็นกลองเสียงดีและเป็นผู้ชนะ 

                    ปัจจุบัน มีการเส็งกลองในงานไหว้พ่อขุนผาเมือง อำเภอหล่มสัก ในงานเทศกาลไหว้พ่อขุนผาเมือง ซึ่งทำติดต่อกันมาหลายปี งานพ่อขุนผาเมืองจะมีตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม- ๒ มกราคม เป็นการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่พร้อมกัน นอกจากการเส็งกลองแล้วยังมีการล่องโคมไฟในงานนี้ด้วย การล่องโคมไฟนั้นมีแต่เดิมนิยมล่องกันในวันออกพรรษา มีความเชื่อว่า หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปเทศนาโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้วจะเสด็จลงมาเทศนาโปรดมนุษย์โลกและเมืองบาดาลอันเป็นที่พอใจแก่พญานาคเป็นอย่างยิ่ง จึงมีการถวายบั้งไฟพญานาคเป็นพุทธบูชาด้วย ชาวโลกจึงจัดโคมไฟถวายสักการะร่วมกัน ถือเป็นการบูชาเทพขอขมาพรแม่คงคา และส่งเคราะห์ร้ายทิ้งไปด้วยการจัดงานเส็งกลอง ล่องโคมไฟไหว้พ่อขุนผาเมือง จัดเป็นสองส่วน ส่วนแรกตอนเช้าประมาณ ๙.๐๐ น. จะมีกิจกรรมบวงสรวงพ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด (อำเภอหล่มสักปัจจุบัน) ด้วยการตีกลองสะบัดไชย กลองใหญ่ กลองยาว และมีการแข่งขันเส็งกลอง นิทรรศการเส็งกลอง ล่องโคมไฟ มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ในตอนค่ำจะมีการพาข้าวหย่องหรือพาข้าวแลง แต่เดิมพาข้าวหย่องนั้นเป็นการเลี้ยงผู้มาร่วมงาน
                   แต่ปัจจุบันมีการจัดพาข้าวหย่องหารายได้เข้ามูลนิธิพ่อขุนผาเมืองแทนในตอนกลางคืนจะมีการประกวดเส็งกลองและล่องโคมไฟคือปล่อยโคมให้ลอยล่องท่องท้องฟ้า มองเห็นแสงไฟทอดเป็นสายสว่างพราย สวยงามมาก ในวันสิ้นปีจะมีการประกวดธิดาพ่อขุนผาเมืองด้วย บางปีจะมีการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ประกวดการแสดงละครพ่อขุนผาเมืองด้วย บางปีจะมีการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ประกวดการแสดงละครพ่อขุนผาเมืองเป็นการประเทืองปัญญาพร้อมและประเทืองอารมณ์ไปพร้อมกัน การเส็งกลองหรือการตีกลองเป็นประเพณีของชาวอำเภอหล่มสักที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมายาวนานนับร้อยปีในช่วงแรกการเส็งกลองมีวัตถุประสงค์สำคัญเพียงสองประการ คือ แข่งขันหรือประกวดฝีมือช่างทำกลอง ในการขึ้นหน้ากลองได้ดี ตีได้ดังกว่าใครถือเป็นวัตถุประสงค์เชิงธุรกิจ แข่งขันการตีกลองให้เกิดเสียงดังในหมู่ชายหนุ่มของหมู่บ้าน อวดกำลังแขนอันเข็งแรง ใครตีได้ดังกว่าคนนั้นเป็นผู้ชนะ ถือเป็นวัตถุประสงค์เชิงสังคมวิทยาและมนุษยวิทยาเป็นภูมิปัญญาอันแหลมคมของชาวบ้านการเส็งกลองนิยมทำกันมาในตำบลบ้านติ้ว บ้านหวายและตำบลใกล้เคียงใน อำเภอหล่มสัก
                    ต่อมาเมื่อปี ๒๕๔๐ นายเกษม ชัยสิทธิ์ สมาชิกวุฒิสภาซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตระหนักในความสำคัญของภูมิปัญญาชาวบ้านที่สมควรอนุรักษ์สืบทอดให้แพร่หลาย จึงได้ดำริรื้อฟื้นการเส็งกลองขึ้นมาเป็นประเพณี โดยผนวกเรื่องการเล่นโคมไฟไว้ในงานประเพณีนี้ด้วย โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสักการะพ่อขุนผาเมือง ผู้สร้างเมืองเพชรบูรณ์ ให้ชื่องานว่า “ประเพณีเส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง” โดยกำหนดจัดงานในช่วงส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในปัจจุบันในแต่ละประเพณีนั้นมีเรื่องราว รายละเอียด ควรบันทึกไว้หลายประการ

                    นายบุญติ่ง อุ่นแก้ว อดีตผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอหล่มสัก ได้กล่าวว่าประเพณีเส็งกลองเป็นประเพณีของชาวอำเภอหล่มสักมาเป็นเวลาช้านาน คำว่า เส็งกลอง เป็นภาษาท้องถิ่นของชาวอำเภอหล่มสัก หมายถึง การแข่งขันตีกลองว่าใครจะมีเสียงดังกว่ากัน การเส็งกลองเป็นประเพณีที่ทำกันในเทศกาลเข้าพรรษา ในช่วงวันสารทไทย ภาษาท้องถิ่นของอำเภอหล่มสักนิยมเรียกว่า วันบุญข้าวสาด ซึ่งตรงกันวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ หลังจากวันเข้าพรรษาแล้วประมาณ ๒ เดือน กลองที่นำมาเส็ง(แข่งขัน) มี ๒ ชนิด คือ กลองลองหน้า และกลองยาว ส่วนใหญ่จะนิยมกลองยาว ไม้ที่นิยมนำมาทำกลอง คือ ไม้ประดู่ เพราะทำแล้วคงทนถาวรรวมทั้งระบบเสียงก็มีการเปลี่ยนแปลงน้อย ส่วนไม้อื่น ๆ เช่นไม้ขนุนและไม้หาดก็มีบ้าง ในเรื่องคุณภาพนั้นสู่ไม้ประดู่ไม่ได้ไม่นิยมนำไม้ที่โค่นไม่ ๆ มาทำกลอง เมื่อสำรวจว่าเป็นไม้ที่ตายแล้วหรือถูกโค่นมาแล้วจะต้องขนาดพอเหมะ คือ ไม่โตเกินไปจะเสียเวลาในการทำหรือเล็กเกินไปไม่ได้ขนาดก็จะเสียเวลาทำเหมือนกัน คือทำกลองแล้วกลองขาดมาตรฐาน หนังหน้ากลองที่หุ้มจะใช้หนังวัวตัวเมียที่ผ่านการมีลูกแล้วประมาณ ๑ ศอก ส่วนค้อนที่ใช้จะทำมาจากไม้ข่อยหรือไม้หม่อน ส่วนที่ใช้ตีจะนำตะกั่วมาหุ้มรอบ เพื่อรักษาหน้ากลองและค้อนมีน้ำหนักดีจะตีได้ดัง ประเพณีนี้มีการเว้นช่วงไประยะหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ นายเกษม ชัยสิทธิ์ ซึ่งเป็นชาวหล่มสักโดยกำเนิดได้มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงมีแนวคิดรื้อฟื้นประเพณีเส็งกลองขึ้นมาใหม่ มีการปรับปรุงรูปแบบให้มีมาตรฐาน พัฒนาจากงานระดับท้องถิ่นเป็นงานระดับชาติ และจัดเป็นประจำทุกปีระหว่างปลายเดือนธันวาคมและต้นเดือน มกราคมของทุกปี ที่อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ มีงานสมโภชอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ซึ่งเรียกเฉพาะว่า “เส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง”

                    นายบุญโฮม คำหนาหนัก ภูมิปัญญาชาวบ้าน กล่าวว่าประเพณีการล่องโคมไฟเป็นการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แบะเทวดา ซึ่งคนสมัยโบราณมีความเชื่อว่าคนเราเกิดจากธรรมชาติและเทวดาเป็นผู้สร้างมนุษย์ ในงานสำคัญงานเทศกาลจึงมีการล่องโคมดไฟเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นิยมล่องในวันสงกรานต์ วันเข้าพรรษา วันลอยกระทง หรือวนบุญมหาชาติ เป็นต้น ลักษณะโคมไฟลอยน้ำ จะนำต้นกล้วย ๓-๘ ต้น มาตัดให้ยาวเท่ากันทำเป็นแพ บนแพจะเป็นรูปปราสาท รูปพญานาค เรือสำเภา และมีชั้นให้วางโคมไฟที่ทำจากตะเกียงไม้ไผ่ หรือกระบอกน้ำมันหุ้มด้วยกระดาษสีต่าง ๆ และมีธูปเทียนอย่างละ ๓ ดอก จุดเพื่อบูชาพระแม่คงคาแล้วล่องตามน้ำไป ลักษณะโคมไฟหรือโคมลม ที่ลอยขึ้นไปในอากาศทำจากกระดาษบางสีต่าง ๆ จำนวน ๖๐ –๘๐ แผ่น ต่อเป็นทรงกลม ทรงรี และรูปเหลี่ยมต่าง ๆ มีปากรับลมคาร์บอไดออกไซด์จากเตาความร้อน ส่วนการประกวดโคมลมนั้นจะดูที่ความสูงและความนานในการลอยอยู่ในอากาศ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านของชาวอำเภอหล่มสัก คณะกรรมการจัดงานจึงกำหนดให้มีการประกวดเส็งกลอง ล่องโคมไฟขึ้น โดยให้แต่ละตำบลในเขตอำเภอหล่มสักส่งเข้าแข่งขันการเส็งกลองประเภทละ ๒ อย่าง คือ กลองยาว กลองคู่ และโคมไฟ กำหนดแข่งขันในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี

                    ประเพณีเส็งกลอง เป็นวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านของชาวอำเภอหล่มสัก ซึ่งนับว่าจะสูญเสียหายเมื่อมีการรื้อฟื้นประเพณีเส็งกลองขึ้นมาจัดเป็นประเพณี จึงมีการปรับรูปแบบให้มาตรฐาน พัฒนาจากงานระดับท้องถิ่นให้เป็นงานประเพณีระดับชาติ มีกิจกรรมหลากหลายขึ้นรวมทั้งมีการส่องโคมไฟประกอบด้วยโดยให้มีส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน ตลอดจนลูกเสือชาวบ้านร่วมกันดำเนินการอย่างยิ่งใหญ่และจัดเป็นประจำทุกปีระหว่างปลายเดือนธันวาคมและต้นเดือนมกราคมของทุกปี โดยได้จัดขึ้นที่อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ในงานสมโภชน์อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ซึ่งเรียกว่างาน “เส็งกลอง ล่องโคมไฟ ไหว้พ่อขุนผาเมือง” ซึ่งถือกำหนดให้เป็นงานประจำทุกปีของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น